The Best Years of Our Lives - วันชื่นคืนฝัน
The Best Years of Our Lives (1946)
ราวปี 1945 ทหารผ่านศึกสามคนที่กลับมาจากสงครามต้องปรับตัวเข้ากับสังคมพลเรือนและการใช้ชีวิตคู่ในอนาคตในเมืองแถวมิดเวสต์ ในภาพรวมเป็นเรื่องที่สร้างความหวังให้กับชีวิต และมองโลกด้วยความหวังมากกว่าความ
ร้อยเอก เฟรด เดอร์รี (Fred Derry แสดงโดย Dana Andrews) ในหน่วยทหารทิ้งระเบิด มีภรรยาและลูกวัยรุ่น ก็ทำงานนักการธนาคารต่อ แต่มีปัญหาคิดเหล้าและเจอการกดดันในที่ทำงาน, จ่าสิบตรี อัล สตีเฟนสัน (Al Stephenson แสดงโดย Fredric March) ที่เคยกดน้ำอัดลมขายและแต่งงานก่อนออกรล ก็ต้องหางานทำ, ทหารเรือยศจ่าโท โฮเมอร์ พาร์ริช (Homer Parrish แสดงโดย Harold Russell) ที่พิการมือขาดสองข้างและต่อตะขอเหล็กแทนมือ ทำให้ท้อแท้กับชีวิตโดยเฉพาะการไปพบเพื่อขอเลิกกับสาวคนรัก ...
ภาพยนต์เรื่องนี้มีพื้นมาจากนวนิยายสั้น 'Glory for Me' (1945) ของผู้สื่อข่าวและนักเขียน MacKinlay Kantor กำกับโดย William Wyler ถ่ายทำและออกฉายในปี 1946 ในบางมุมมอง แนวคิดที่มองโลกในแง่ดีก็เหมือนกับเป็นการเยียวยาความรู้สึกของผู้ชม แต่ก็ทำให้รู้สึกว่ามีการโฆษณาชวนเชื่อแฝงอยู่ด้วย
การที่ภาพยนต์นี้ถูกถ่ายทำในช่วงเวลาหลังสงครามจริง ก็ทำให้มีความเป็นจริงของสภาพสูงที่สุดแล้ว ภาพที่ จขบ. จำได้ติดตาคือที่ลาดจอดเครื่องบิน B-17 Flying Fortress ที่มีเครื่องจอดทิ้งไว้หลายร้อยลำ สำหรับผู้แสดงถือว่ามีดาราเพียบ แต่ยุคเก่าสุดๆ จนสมัยนี้แทบไม่รู้จักกันแล้ว เช่น Fredric March และ Virginia Mayo โดยนักแสดง Harold Russell ก็พิการจริงจากการรบด้วย
ภาพยนต์เรื่องนี้ได้รางวัลออสการ์ปี 1947 ทั้งสิ้น 8 รางวัล คือ ภาพยนต์ยอดเยี่ยม, ผู้กำกับยอดเยี่ยม (William Wyler), บทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม (Robert E. Sherwood), ดารานำชายยอดเยี่ยม (Fredric March), นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม (Harold Russell), ตัดต่อยอดเยี่ยม (Daniel Mandell), เพลงประกอบยอดเยี่ยม (Hugo Friedhofer), รางวัลเกียรติยศ (Harold Russell) เป็นพิเศษสำหรับนักแสดงชายพิการที่สร้างความหวังและความกล้าหาญให้กับทหารผ่านศึก และถูกเสนอเข้าชิงสาขาบันทึกเสียงยอดเยี่ยม นอกจากนี้ ยังได้รางวัล Irving G. Thalberg Memorial Award สำหรับโปรดิวเซอร์ด้วย
ในปี 1989 ภาพยนต์เรื่องนี้ก็เป็นหนึ่งในภาพยนต์ 25 เรื่องชุดแรกที่ห้องสมุดรัฐสภาอเมริกัน (Library of Congres) เลือกเพื่อการอนุรักษ์ในหอทะเบียนภาพยนตร์แห่งชาติของสหรัฐอเมริกา (United States National Film Registry) ในฐานะที่มีความสำสัญในด้านวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ หรือศิลปะ
สำหรับเวอร์ชั่นไทย เคยเห็นออกแผ่นในชื่อ 'วันชื่นคืนฝัน' โดยซีวีดีอินเตอร์เนชั่นแนล แต่เนื่องจาก จขบ. ไม่ได้ดูเลยบอกไม่ได้ค่ะว่าแปลเป็นอย่างไร
ระดับความชอบ: ★★★★☆ มีความประทับใจอย่างมากในเรื่องของบุคคลและสภาพสังคมที่เวลาถ่ายทำอยู่ในช่วงนั้นจริง แต่ถ้ามองด้วยแนวทางการสร้างภาพยนต์ในปัจจุบัน อาจจะดูว่ามองโลกในแง่ดีเพราะไม่ค่อยมีอาการ PTSD จากสงคราม (สมัยนั้นยังไม่มีการวินิจฉัยว่า PTSD เป็นโรค)
เว็บไซต์แนะนำ: Classic Reviewer
รายการภาพยนต์สงคราม
ราวปี 1945 ทหารผ่านศึกสามคนที่กลับมาจากสงครามต้องปรับตัวเข้ากับสังคมพลเรือนและการใช้ชีวิตคู่ในอนาคตในเมืองแถวมิดเวสต์ ในภาพรวมเป็นเรื่องที่สร้างความหวังให้กับชีวิต และมองโลกด้วยความหวังมากกว่าความ
ร้อยเอก เฟรด เดอร์รี (Fred Derry แสดงโดย Dana Andrews) ในหน่วยทหารทิ้งระเบิด มีภรรยาและลูกวัยรุ่น ก็ทำงานนักการธนาคารต่อ แต่มีปัญหาคิดเหล้าและเจอการกดดันในที่ทำงาน, จ่าสิบตรี อัล สตีเฟนสัน (Al Stephenson แสดงโดย Fredric March) ที่เคยกดน้ำอัดลมขายและแต่งงานก่อนออกรล ก็ต้องหางานทำ, ทหารเรือยศจ่าโท โฮเมอร์ พาร์ริช (Homer Parrish แสดงโดย Harold Russell) ที่พิการมือขาดสองข้างและต่อตะขอเหล็กแทนมือ ทำให้ท้อแท้กับชีวิตโดยเฉพาะการไปพบเพื่อขอเลิกกับสาวคนรัก ...
ภาพยนต์เรื่องนี้มีพื้นมาจากนวนิยายสั้น 'Glory for Me' (1945) ของผู้สื่อข่าวและนักเขียน MacKinlay Kantor กำกับโดย William Wyler ถ่ายทำและออกฉายในปี 1946 ในบางมุมมอง แนวคิดที่มองโลกในแง่ดีก็เหมือนกับเป็นการเยียวยาความรู้สึกของผู้ชม แต่ก็ทำให้รู้สึกว่ามีการโฆษณาชวนเชื่อแฝงอยู่ด้วย
การที่ภาพยนต์นี้ถูกถ่ายทำในช่วงเวลาหลังสงครามจริง ก็ทำให้มีความเป็นจริงของสภาพสูงที่สุดแล้ว ภาพที่ จขบ. จำได้ติดตาคือที่ลาดจอดเครื่องบิน B-17 Flying Fortress ที่มีเครื่องจอดทิ้งไว้หลายร้อยลำ สำหรับผู้แสดงถือว่ามีดาราเพียบ แต่ยุคเก่าสุดๆ จนสมัยนี้แทบไม่รู้จักกันแล้ว เช่น Fredric March และ Virginia Mayo โดยนักแสดง Harold Russell ก็พิการจริงจากการรบด้วย
ภาพยนต์เรื่องนี้ได้รางวัลออสการ์ปี 1947 ทั้งสิ้น 8 รางวัล คือ ภาพยนต์ยอดเยี่ยม, ผู้กำกับยอดเยี่ยม (William Wyler), บทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม (Robert E. Sherwood), ดารานำชายยอดเยี่ยม (Fredric March), นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม (Harold Russell), ตัดต่อยอดเยี่ยม (Daniel Mandell), เพลงประกอบยอดเยี่ยม (Hugo Friedhofer), รางวัลเกียรติยศ (Harold Russell) เป็นพิเศษสำหรับนักแสดงชายพิการที่สร้างความหวังและความกล้าหาญให้กับทหารผ่านศึก และถูกเสนอเข้าชิงสาขาบันทึกเสียงยอดเยี่ยม นอกจากนี้ ยังได้รางวัล Irving G. Thalberg Memorial Award สำหรับโปรดิวเซอร์ด้วย
ในปี 1989 ภาพยนต์เรื่องนี้ก็เป็นหนึ่งในภาพยนต์ 25 เรื่องชุดแรกที่ห้องสมุดรัฐสภาอเมริกัน (Library of Congres) เลือกเพื่อการอนุรักษ์ในหอทะเบียนภาพยนตร์แห่งชาติของสหรัฐอเมริกา (United States National Film Registry) ในฐานะที่มีความสำสัญในด้านวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ หรือศิลปะ
สำหรับเวอร์ชั่นไทย เคยเห็นออกแผ่นในชื่อ 'วันชื่นคืนฝัน' โดยซีวีดีอินเตอร์เนชั่นแนล แต่เนื่องจาก จขบ. ไม่ได้ดูเลยบอกไม่ได้ค่ะว่าแปลเป็นอย่างไร
ระดับความชอบ: ★★★★☆ มีความประทับใจอย่างมากในเรื่องของบุคคลและสภาพสังคมที่เวลาถ่ายทำอยู่ในช่วงนั้นจริง แต่ถ้ามองด้วยแนวทางการสร้างภาพยนต์ในปัจจุบัน อาจจะดูว่ามองโลกในแง่ดีเพราะไม่ค่อยมีอาการ PTSD จากสงคราม (สมัยนั้นยังไม่มีการวินิจฉัยว่า PTSD เป็นโรค)
เว็บไซต์แนะนำ: Classic Reviewer
[05/06/19, 26/01/22]
รายการภาพยนต์สงคราม
Comments
Post a Comment